7.12.14

Day-3 คราวนี้ต้องฉายเดี่ยวจริงๆละนะ!!!


Day-3 ฉายเดี่ยวจริงๆละ!!!

ก็ตามพาดหัวเลยค่ะ ต้องไปเองคนเดียวแล้ววันนี้ และวันนี้เองก็ยังไม่มีแผนตามเคย 555+ ด้วยความที่กลัวหลงจัด เลยเกิดความพยายามหหาซื้อซิมการ์ด เราเสียเวลาค่อนข้างมาก เรื่องซิมการ์ดในวันที่ 3 นี้เพราะไม่ได้เตรียมตัวไว้ก่อน กะใช้ไวไฟฟรีทั่วโซล แต่ไวไฟเจ้ากรรม มันไม่ได้เสถียร์ทั้วทุ่งอย่างที่เราฝันไว้ โอ้วววว ซาร่า! เราตื่นสายออกบ่าย เสียเวลาคุยกับจนท.ร้าน Olleh อยู่หลายร้านมาก แต่ทุกร้านเหมือนกันคือ สต๊าฟร้าน พูดภาษาอังกฤษแทบไม่ได้ ภาษาใบ้ กูเกิลทรานส์ คาเคาทรานส์ มาหมด... โดยคร่าวๆที่เราทราบมา สำหรับ Olleh เราต้องอยู่ให้ครบ 3 วัน เราก็ไม่ค่อยเข้าใจนะว่าทำไมต้อง 3 วัน??เผื่อใครอ่านอยู่มาอัพเดทให้เราหน่อยค่ะ เรื่องเช่าไข่ หรือโรมมิ่ง ลืมมันไปนะคะ เรางก เราจะไม่ยอมเสียค่าเน็ต เกินวันละ 100 บ. (ㅠㅠ)



เราเดินกลับไปกลับมาตรงฮงแดค่ะ หน้าร้าน Olleh ที่อยู่ใกล้ๆ ETUDE ร้านที่คนไทยชอบไปลงซื้อเยอะๆน่ะค่ะ เราไปขอแผนที่มือ(คู่มือ) จาก Information 2 สาวน่ารัก ที่เป็นล่าม อังกฤษ 1 จีน 1 เค้าจะแต่งชุดสีแดง สู้ลมหนาวอยู่ค่ะ (ใจสู้ๆมากค่ะสองสาวนี้) คำแรกที่ทักเราเลยคือ "คนจีนรึเปล่าคะ?" (ภาษาจีน) เราเลยมองหน้าพวกเค้าด้วยสายตาเว้าวอนแล้วบอกว่า 'English please' ฮ่าๆๆๆ 



พวกเธอเลยให้แผนที่เล่มนี้มาค่ะ ใช้ได้ดี มีโปรโยชน์ฝุดๆ




จนแล้วจนรอดเราไปอีกสาขานึงในฮงแด มีร้านนี้ที่บอกว่า เราสามารถซื้อได้นะคะ แต่โทรศัพท์เราต้อง unlock ก่อน เท่านั้นล่ะ งงไป 3 บ้าน 8 บ้าน... เหอๆๆๆ เอาไงล่ะทีนี้ เราจะรู้ได้ไง เห็นเค้าบอกว่าเราต้องโทรถามดีแทคค่ะ แต่กระนั้นแล้วไง เราจะโทรได้ไง เราไม่ได้เปิดโรมมิ่ง ไม่ต้องคิดถึงค่าโทรค่ะ (แต่โทรศัพท์เราเป็น Andriod) เราก็แอบงง ว่าแล้วชั้นจะทำไงวะเนี่ย เราไม่รู้จะทำไง หงุดหงิดมาก เลยตัดใจเดินออกจากร้านค่ะ ไปเที่ยวดีกว่า เสียเวลาไปเปล่าๆ


ตัดสินใจจิ้มแผนที่แล้วออกเดินทาง!!!

สิ่งแรกที่เราต้องการไปชม คือวังค่ะ เราเปิดแผนที่ดูไปมา แล้วหาสถานีรถใต้ดินมาลงค่ะ จากฮงแด ไปสถานี 'เคียงบกกุง' (Gyeongbokgung) สายสีส้ม และด้วยความที่ เรายังงงๆ (จริงๆนะ - -") เราขึ้นรถผิดฝั่งค่ะ! เราพูดเลยว่าเรารู้ตัวอีกทีนึง คือเรามาถึงสถานี Yeongdeungpogu-office แล้วค่ะ (ดูตามรูปด้านล่างเพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้นนะคะเส้นสีชมพู ที่เราไปผิดทาง) หลงไปไกลพอดู 3 ป้าย 55+ แต่เอาจริงๆเหมือนเป็นความฟลุ้คมากค่ะ เราเดินหาทางกลับฝั่งอีกฝั่ง จนไปเดินผ่านหน้า Nature Republic ค่ะ (จริงๆNature Republic มีทุกซอกซอยนะ55+) แต่ทีนี้ความพิเศษ มันอยู่ตรงนี้ คือเราไปมองหา Lip treat ค่ะ ด้วยความที่เราปากแตกมาก เลือดซิบแล้ว เลยลองมองหาดู ทีนี้ ผจก.สาขานี้ค่ะ นางเฟรนลี เข้ามาทักเรา เกือบเดินหนีแล้ว (555+) แต่เค้าไวมาก ถามเราเป็นภาษาอังกฤษ เลยตอบกลับไป ทีนี้เลยคุยกันถูกคอมากค่ะ เราถามเธอ เธอก็แนะนำเราดีมากๆจริงๆนะ จนสุดท้าย เราเลยเป็นเพื่อนกันโดยปริยายค่ะ ลืมถ่ายรุปเธอมาให้ดู เธอชื่อยุนอาค่ะ น่ารัก เป็นผจก.สาขาที่พูดอังกฤษคล่องมาก เราบอกเธอว่า เราจะกลับไปซื้อของร้านเธอนะ เพราะเราเป็นเพื่อนกัน จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ไปค่ะ เสียใจมากเลย.. :( ใครผ่านไปสาขานี้ อย่าลืมไปถามหายุนอานะคะ เธอใจดี และจะแนะนำสินค้าให้คุณ คล่องมากๆ :D
ในที่สุด เรางมหาทางกลับมา ถึงสถานีรถใต้ดิน เคียงบกกุงจนได้ค่ะ สิ่งที่เราเห็น ณ เวลานั้นคือ สถานีรถใต้ดินที่คนแทบไม่มี เราเหลือบมองนาฬิกา ตายล่ะ เกือบๆ 5 โมงครึ่งแล้วค่ะ (เราคิดในใจไปทำไมนะ? 55+) แต่เอาเข้าจริงๆเราก็เดินออกไปดูวังค่ะ เห็นแค่รั้ว ประตูก็ยังดี 

เดินมาแบบ โพล้เพล้มากค่ะตะวันกำลังจะตก ประตูวังปิดแล้ว 
เราผิดหวัง(กับตัวเอง)เล็กน้อยที่มาเวลานี้ แต่ลองมองดีๆ 
เดินชมในตอนที่ไม่มีผู้คน มันได้คุยกับตัวเองนะ♡

บรรยากาศรอบๆตัว เราดื่มด่ำกับมันมากทีเดียวล่ะ
เรานั่งเล่นใต้ต้นไม้สักพักนึง เลยเดินกลับไปยังรถใต้ดินอีกฝั่งค่ะ เราโผล่ออกมาเพื่อจะไปดูประตูวังหรือ 'ควังฮวามุน' ซึ่งเป็นประตูด้านหน้า ที่คุณจะเห็นพระเจ้าเซจงน่ะค่ะ

เราโผล่ขึ้นมาปุ๊บ จากสถานีเคียงบกกุง ทางออก 4 ค่ะ
เจอร้านกาแฟที่สวยน่านั่งมาก ความคิดแค่นับ 1...2 ... 3 เข้าร้านเลยค่ะ

ร้านนี้มีชื่อว่า 'บมมาดาพูรึม'(봄마다푸름
มาเป็นบ้านโบราณเลย ก็ชอบสิ่คะ >////<)

เราสั่งกาแฟตามระเบียบค่ะ อเมริกาโน่
กาแฟที่เหมาะกับสาวโสด 555+


กะว่าไม่กินอะไรแล้วนะ จะกินกาแฟ แล้วชมร้านเนียนๆ
แต่นั่งไปนั่งมา ได้กลิ่นขนมหอมๆ หิวแล้ว ข้าวยังไม่ได้ทาน
เลยไปจิ้มๆที่เคานเตอร์เค้าค่ะ ได้สิ่งนี้มา...



มันมีชื่อว่า อินจอลมี โทสต์  (인절미 토스트)
(เวลาสั่ง อย่าลืมใส่แอคเซ้นท์เกาหลีนะ)

เป็นขนมปังปิ้งแบบบค่อนข้างกรอบค่ะ
มีแนบกับขนมเกาหลีเหนียวหนึบ อุ่นๆ ซึ่งตรงไส้เหนียวหนึบ
มีแทรกน้ำตาลทรายแดงอยู่ อร่อยแบบลืมไม่ลงค่ะ
ในวันที่อากาศหน๊าวววว หนาว บอกเลยฟิน!
อยากกินอีกหลายๆรอบเลย♡

แต่แค่นี้เราก็พอดีกว่าค่ะ เดี๋ยวแคลอรีต่อวันจะเกินพุ่งปรี๊ด


จากนั้นได้เวลาเดินๆๆๆๆกันต่อ เดินต่อ ออกจากหน้าร้าน 
หันไปด้านซ้ายค่ะ เดินข้ามถนนไปเรื่อยๆ เราจะเจอสิ่งที่เรามองหา ควังฮวามุน! (광화문)

ควังฮวามุน สวยมาก...แต่เราก็หนาวมากเช่นกัน

Sejong Center For The Performing Arts
(세종문화회관)
 คืนนั้นหนาวราวๆ 3-5 องศาค่ะ เดินตากลมกลางจุตุรัสกันไป
ตรงหน้าควังฮวามุน จะสามารถเดินได้ค่ะ ทางเดินตรงนั้นใหญ่มากคุณจะเห้นทิวทัศน์เมืองยามค่ำคืนที่เราจะรู้สึกเหมือนเป็นคนแคระ กลางเมืองใหญ่ค่ะ 
 หนาวจนมือแข็ง แต่เราก็ถ่ายรูป
อนุสาวรีย์พระเจ้าเซจง ผู้ประดิษฐ์อักษรเกาหลี

เดินไปเรื่อยๆค่ะ มองความงามยามค่ำคืน หนาวแต่ก็ดื่มดำคนเดียวได้
จนมาถึงจุดนี้ค่ะ จะเจอสถานีรถใต้ดินต่อไป

แต่เราก็ไม่ได้ไปต่อรถค่ะ เดินอีกด้านเพื่อหาคลองชองกเยชอน (청계천)

TO BE CONTINUED...




Day 2... my journey has begun! (part 1)


Day - 2 ...

เริ่มวันใหม่ ชีพจรลงเท้ากันราวๆ 11 โมง เนื่องจาก เราตื่นสาย และเหนื่อยมาก เพื่อน(รุ่นพี่)เราเลยมาหาเราที่เกสเฮ้าส์ค่ะ ลงเครื่อง คุณพี่เธอก็มาหาเราก่อนเนื่องจากพักกันคนละที่ แต่ใกล้กัน แต่เธอรอเช็คอินไม่ไหว เพราะห้องที่คุณพี่เค้าพักนั้น คนที่อยู่ก่อนจะเช็คเอ้าท์ ตอนบ่ายโมงค่ะ เธอเลยมาหาเราก่อน เลยพากันไปเดินเล่นแถวบ้านค่ะ

เดินเล่นแถวบ้าน...
เนื่องจากแถวฮงแดมีร้านรวงเยอะมาก ร้านอาหารเยอะ ร้านค้าเยอะ เราเดินตามคุณพี่ของเราไป เธอบอกว่าเธอตามหาร้านขนมปังอยู่ร้านนุง ชื่อว่า Pourtoi ซึ่งอยู่แถวๆบ้านนั่นแหล่ะค่ะ ถ้าเดินจาก Subway Exit#2 ก็เลี้ยวซ้าย เดินผ่านร้านกาแฟ A Twosome Place มาจนถึงทางแยกค่ะ เดินข้ามถนนไป จะเห็นร้านนี้เป็นร้านสีเขียวๆ ขนมเยอะมาก น่ากินมากค่ะ 



ร้าน  Pourtoi

จากนั้น เราไปเดินเล่น แถวหน้า ม.ฮงแดค่ะ เดินเช็คสถานที่ไปเรื่อยๆว่าที่ตรงมีอะไรยังไง ร้านอะไรควรโดนบ้าง คุณพี่เราบอกว่า อยากไปทานมานดู(เกี๊ยวเกาหลี)ค่ะ เธออ่านรีวิวมา เป็นร้าน 'บกโชนซนมานดู' (복촌손만두)ค่ะ เป็นมานดูปั้นมือ ทำสดใหม่ ทอดกันจะๆหน้าร้าน แก้หนาวค่ะ 8000₩ (ชุดเล็ก) ที่ประกอบด้วยเกี๊ยวหลายๆอย่างค่ะ 
 เปรียบเทียบไซส์กับมือดูค่ะ แล้วจะนึกภาพออกว่ามนัใหญ่ขนาดไหน - -"
หน้าร้านค่ะ
จริงๆเค้ามีชุดใหญ่ด้วยนะคะ แต่สำหรับหญิงสาวสองคนจากไทย คิดว่ากำลังพอดีงามไม่อิ่มจนเกินไปนักค่ะ ไส้เยอะ แถมอร่อยสมราคาดีทีเดียว ไส้กิมจิ คือดีงามมากค่ะ เผ็ดนิดๆ พี่ไทยเราสบายแน่นอน :3

ร้าน'บกโชนซนมานดู'นี้ มีหลายสาขาค่ะ ลองหาดูที่คุณอาจจะสะดวกนะคะ ตรงนี้คือสาขาฮงแด ซึ่งเราเดินมาเรื่อยๆค่า เดินจากแถวรถไฟใต้ดินฮงแด มาเรื่อยๆ จากทางตึก New Balance จำพิกัดได้ไม่แม่น จำได้ว่าเดินผ่านตึก ที่เป้น Art Studio หน้าตาแปลกๆที่มีหลายชั้นค่ะ วันนั้นเรายังงงๆทางอยู่ค่ะ ยังไงก็ขออภัยไว้ด้วยนะคะ (ㅠㅠ) ถ้าคุณไปแถวๆนั้นมีอินเตอร์เน็ต ลองเสิร์ชหา 북촌손만두 ดูนะคะ ร้านสาขานี้ใกล้กับร้านไก่กับเบียร์ ChirChir Chicken ค่ะ เราอยากทานมาก แต่ได้ข่าวมาว่ามันเยอะมาก คงทานไม่หมด ไว้โอกาสหน้าถ้ารวมก๊วนได้เราคงไปทานแน่ๆค่ะ 

เดินถนน ชมทาง...
เดินมาต่อกับอีกซอยของย่านฮงแด ค่ะ เราชอบทานกาแฟมาก ทานกาแฟ วันละแก้ว
และงานนี้คุณพี่เราแนะนำร้าน Coco Bruni ซึ่งเป็นร้านที่มาจากอังกฤษค่ะ ร้านสวยน่ารัก น่านั่งมากๆ เราสั่งอเมริกาโนตามเคย แต่คุณพี่เราสั่ง CoCo Latte ค่ะ เป็นกาแฟลาเต้ร้อนหอมๆ มีกลิ่นมะพร้าวนิดๆ พองาม รสกลมกล่อมมาก เป็นกาแฟที่อร่อยมากๆจริงๆ 

Coco Latte 5,500 ₩ / Iced Americano 4,800 
หน้าร้าน สาขาฮงแด
ท้องถนนแถวฮงแดในวันแรกของเรา สวยมากๆกับใบไม้สีเหลืองค่ะ ♡


วิธีไป เดินจากใต้ดินทางออก 8 เลี้ยวเข้าไปประมาณ 100 ม.ค่ะ จะสังเกตุเห็น ร้านใหญ่มาก


more info: http://www.cocobruni.co.kr


Day 2... my journey has begun! (part 2)

เพื่อไม่ให้โพส ยาวเกินไป เลยขอตัดตอนการเดินทางพาร์ทต่อมา มาเป็นอีกโพสนึง... 

พอทานกาแฟเรียบร้อย ถ่ายรูปสวยๆชิลล์ๆ เราเดินกลับไปห้องพักของคุณพี่เพื่อนเราค่ะ เพื่อเช็คอิน และเก็บกระเป๋า เกสเฮาส์นี้ อยู่ข้างๆกับตึกซัมซุงตรงทางออก 2 ตรงข้ามตึกยูนิโค่ลเลย จำชื่อไม่ได้ - -" แฮะๆ แต่สะดวกดีสำหรับนักช้อปนะคะ ใครชอบแนวใกล้แหล่งช้อปปิ้ง ก็ลองหาแถวๆนี้ได้ค่ะ จากนั้นเดินหาของยูนิโค่ลฝั่งตรงข้ามนิดนึง... ยูนิโค่ลเกาหลีมีเสื้อผ้าแนวๆ Heattech เพียบ บางไอเท่มก็ไม่มีในไทยค่ะ แถวสาขานี้ก็ใหญ่มาก มี 3 ชั้นเลยค่ะ



เราไปคุ้ยๆกระบะที่เค้าล้างสต๊อตวางไว้ ได้กางเกงนอนมาด้วยนะ 3,990  หุหุ~(ประมาณ120 บ.ใส่นอนอีกหลายวัน อิยะฮ่าฮ่า!!) 


เดินทางสู่ 1st Attraction! N Seoul Tower...


เอาล่ะ มาเข้าเรื่องที่เที่ยวต่อไป พี่เราชีพาไปขึ้นรถเมล์ค่ะ สัมผัสบรรยากาศผู้คนบนรถเมล์ ลงใต้ดิน สถานีเมียงดง ทางออก 3 เดินออกมารอรถเมล์ค่ะ รถเมล์เบอร์ 05 ขึ้นเขานัมซานกันค่ะ 

แผนที่โดยสังเขป
บริเวณป้ายรถเมล์ที่เรารอค่ะ

นั่งขึ้นเขาโดยรถเมล์ ประมาณ 20 นาทีค่ะ บัสจะมาจอที่ป้าย ตรงทางเดินขึ้นเขา
(บริเวณนี้) ให้เราเดินขึ้นไปอีกนิดนึงนะคะ นัมซานอยู่บนเนินเขา
ขึ้น และลงเขานัมซาน ด้วยรถเมล์ค่ะ เราไม่ทราบราคา เพราะลืมดูตอนตื๊ดกับเครื่องค่ะ

ส่วนใครอยากขึ้นกระเช้า ต้องไปทาง นัมซานพาร์คนะคะ อันนี้เราไม่ได้ไปเราว่าไปทางนี้มันสะดวกดีค่ะ
เพราะเราเดินกลับมาที่เดิม สบายดี ไม่หลง

 เย็นย่ำก็ถ่ายรูปกันไป...


 ร้านรวงเปิดให้บริการ ทั้งกาแฟ อาหาร


กุญแจในตำนานที่คล้องกันมาเป็นเวลานาน

บริเวณนัมซานทาวเวอร์จะมีร้านขายของที่ระลึกอยู่นะคะ ในช้อปมีสินค้าหลายๆอย่าง
ทั้งแฟ้ม ปากกา ที่คั่นหนังสือ บลาๆ เราตัดสินใจสอยแม่เหล็กมาค่ะ
เป็นผลงานของศิลปินที่เราชอบเค้าทำไดอารีแนวนี้ตลอดสวยมาก
L'après Midi 
เราขอไม่บอกราคาของเซ็ตนี้นะคะ ไม่ได้แพงมาก แต่ก็ไม่ได้ถู๊กถูกอ่ะ
เพราะฉะนั้น ก็ลองไปเดินเลือกชมก็แล้วกันนะคะ อิอิ
...Sunset...
 ตะวันยอแสง ที่นัมซานทาวเวอร์


 Seoul Night
มองลงมาเป็นภาพเมืองยามค่ำคืน ไฟระยิบระยับ เหมือนเพชรส่องประกายเลยค่ะ สวยมากกกก~
ณ ป้ายรถเมล์ รอรถ เบอร์ 05 ค่ะ ลงเขาเข้าเมียงดงต่อไป... 


เดินกันต่ออีกหน่อยมั้ย? ...
ก็เมื่อยกันมามากแล้วนะคะ  แต่คงยังไม่สาแก่ใจพระเดชพระคุณ เราไปต่อกันที่ DDP หรือเรียกยาวๆว่า Dongdaemun Design Plaza (동대문디자인플라자) ที่เที่ยวใหม่แด่คู่รัก ชมทุ่งดอกกุหลาบไฟฟ้า ในยามค่ำคืน เดินออกจากรถใต้ดิน Dongdaemun History & Culture Park Station (Line 4), ทางออก1 เดินออกมาเรื่อยๆ จนเจอตัวอาคารค่ะ
pic credit: http://www.flickr.com/photos/seoulmayor/11973449335/

อาคารทงแดมุน ดีไซน์เซนเตอร์นี้ ถือเป็นอาคารที่แปลกตามากๆ ที่จริงๆแล้ว เมื่อก่อนเคยเป็นสนามเบสบอลของทงแดมุน แต่ก็ได้การปรับเปลี่ยนมาเป็นสถานที่แสดงศิลปะที่มีเนื้อที่ 62,692㎡ กว้างมาก.. ซึ่งอาคารนี้มีประมาณ 4 ชั้น ซึ่งจะจัดแสดงงานศิลปะ จัดอีเวนท์ และเป็นพิพิธภัณฑ์งานศิลปะอีกด้วย เราเดินมาเรื่อยๆ จนถึงตัวอาคารค่ะ เราเดินเข้าไปทางด้านหน้า ถามเจ้าหน้าที่ว่าทุ่งกุหลาบไปทางไหน เค้าจะบอกทางเราค่ะ สิ่งที่เราเห็นเมื่อเท้าก้าวผ่านประตูมาคือ.... 




เรารู้สึกเหมือนเราอยู่ในยานอวกาศค่ะ มันให้อารมณ์แบบนั้นมากๆ คือถ้าไปตอนกลางวัน จะมีพวกงานศิลปะ แกลอรีให้เดินชม แต่เรามาตอนกลางคืนเพื่อชมสิ่งนี้...



ทุ่งกุหลาบ....กรี๊ดดดดดดด.... \(>3<)/
สวยมากค่ะ คนเยอะมาก แต่ในภาพ เราโฟกัสทุ่งดอกไม้
ถ้าคุณเห็นขอบๆตรงทุ่งดอกไม้ นั่นคือคน เยอะมากๆค่ะนทท.ที่มาชมที่นี่




มาเห็นขนาดนี้ ปวดขาแทบตาย ก็ลืมเลยค่ะ! สวยแบบ อึ้งๆในความพยายามของมนุษย์จริงๆ
Address 

281 Eulji-ro, Jung-gu, Seoul (서울특별시 중구 을지로 281)

Closed

Every Mondays (ปิดทุกวันจันทร์)


ออกจาก DDP เดินลัดเลาะมาตามถนน หาสตรีทฟู้ดทานแบบเป็นทางการ เหลือบไปเห็นคุณป้าร้านนี้

แกขายโอเด้ง กับลูกชิ้นแหล่ะค่ะ เราหิวมาก เลยสวาปามเจ้าท่อนไส้กรอกห่อด้วยมันฝรั่งทอด
คือจะบอกว่า 3-4 คำแรก อร่อยมาก... พอกินไปครึ่งอัน เหมือนกินเฟรนช์ฟรายแมคฯอยุ่ริมถนน ต้องทานน้ำซุปกลั้วไปตลอด จนหมดไม้ด้ววยความเสียดาย เราทานไม้นั้น ส่วนพี่เราทานโอเด้งไม้ละพันวอน และลูกชิ้นร่วมสาบาน(ว่าจะช่วยกันคนละครึ่งไม้) กันไป จุกๆค่ะ 555+
จริงๆอาหารพวกนี้ หาทานได้ทั่วไปตามถนนเลยค่ะ ไม่ได้แปลกอะไร (สำหรับบ้านเค้า) อารมณ์เหมือนลูกชิ้นทอดบ้านเรามีซอสให้ทาถ้าไม่เผ็ดสะใจพอ มีน้ำซุปให้กลั้วคอ แก้หนาวด้วย ราคา 1,000-3,000  แล้วแต่กินอะไร(ที่อยู่ตรงนั้น) จ่ายตังค์ก่อนกิน กินก่อนแล้วนับไม้ทีหลังก็ได้ทั้งนั้นค่ะ ไม่ได้กินคงมาไม่ถึงเกาหลี ฮ่าๆๆ (ประมาณนั้น)... 
อิ่มๆหนาวๆ เดินร้าวๆทรวงกันไปเพราะวันนั้น ราวๆ 5 องศา ในยามค่ำคืน ชะนีไทยแลนด์ยังไม่ชินกับอากาศแบบนี้ค่ะ ได้แต่สั่นสู้กันไป...ได้เวลากลับบ้านนอน 



โพสต่อไป จะเป็นการทัวร์แบบฉายเดี่ยวจริงๆละค่ะ ไปอ่านต่อได้นะ...อิอิ